ร้อยตำรวจตรี มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งปรเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้า ผ่านท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ท่าเรือเชียงของ (ทชข.) และท่าเรือระนอง (ทรน.) ประจำปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560 – กันยายน 2561) โดยเปรียบเทียบกับ ปีก่อน สรุปดังนี้
ทกท. เรือเทียบท่า 3,243 เที่ยว เพิ่มขึ้น 9.413 % สินค้าผ่านท่า 22.077 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.891 % ตู้สินค้าผ่านท่า 1.497 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 0.032 %
ทลฉ. เรือเทียบท่า 11,610 เที่ยว ลดลง 1.818 % สินค้าผ่านท่า 86.490 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.100 % ตู้สินค้าผ่านท่า 8.016 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 4.410 %
ทชส. เรือเทียบท่า 3,614 เที่ยว เพิ่มขึ้น 24.321 % สินค้าผ่านท่า 254,724 ตัน เพิ่มขึ้น 28.528 %
ทชข. เรือเทียบท่า 1,083 เที่ยว เพิ่มขึ้น 60.207 % สินค้าผ่านท่า 71,468 ตัน ลดลง 8.895 %
ทรน. เรือเทียบท่า 288 เที่ยว เพิ่มขึ้น 19.008 % สินค้าผ่านท่า 89,919 ตัน เพิ่มขึ้น 34.991 %
โดยเศรษฐกิจโลกครึ่งปีแรกของปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันในทุกภูมิภาค เกิดจากภาวะการค้าโลกที่ดีต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และการส่งออก ในภูมิภาคต่างๆ ถือเป็นแรงสนับสนุนที่ทำให้เศรษฐกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะเติบโตต่อเนื่องอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาดูในช่วงครึ่งปีหลังที่อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในภาพรวมลดลง ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ความคืบหน้าการดำเนินนโยบายการคลังของสหรัฐฯ เสถียรภาพทางการเมืองในเขตยูโรโซน การเริ่มชะลอตัวและภาวะหนี้ในระบบเศรษฐกิจของจีน รวมถึงความขัดแย้งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2561 ในช่วงครึ่งปีแรกยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ GDP ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นการบริโภค รวมถึงการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลให้การส่งออกขยายตัวมากขึ้น สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของ กทท. (ทกท. และ ทลฉ.) ที่เติบโตสูงขึ้นทั้งปริมาณสินค้าผ่านท่าและตู้สินค้า โดยในปีงบประมาณ 2561 กทท. มีตู้สินค้าผ่านท่าทั้งสิ้น 9.513 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 3.685 และปริมาณสินค้าผ่านท่า 108.567 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.656 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนเศรษฐกิจโลกในปี 2562 และ 2563 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามการคาดการณ์ของ IMF อาทิ การขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งปัจจัยต่างๆ ภายนอกประเทศเหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวมที่จะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง