ผู้ประกอบการเช่าพื้นที่สถานีขนสินค้าพุทธมณฑลลุกฮือค้านขบ.ปรับค่าเช่าใหม่ อ้างต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น โอดเศรษฐกิจซบเซา-ภาคขนส่งแข่งขันสูง ตบเท้ายื่นหนังสือขอชะลอปรับราคาใหม่ให้คงราคาเดิมแทน พร้อมยื่น 3 เงื่อนไข ย้ำซ้ำเติมความเดือดร้อนผู้เช่า ยันเดินหน้ายื่นคำร้องฟ้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว
ดร.ชุมพล สายเชื้อ รองนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย เปิดเผยหลังเข้ายื่นหนังสือขอชะลอการปรับขึ้นราคาค่าเช่าสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ว่าภายหลังที่กรมการขนส่งทางบก(ขบ.)ได้ทำหนังสือเกี่ยวกับประกาศกำหนดอัตราค่าบริการใหม่ในการในการดำเนินการของสถานีขนส่งสัตว์ หรือสิ่งของ ถึงผู้ประกอบการขนส่งที่เช่าพื้นที่สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่โดยเฉพาะรายย่อยที่เพิ่งย้ายเข้ามาเช่าพื้นที่ได้ไม่นานได้รับความเดือดร้อน และขอคัดค้านการปรับขึ้นราคาของกรมฯในครั้งนี้ และได้รวมกลุ่มเป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือขอผ่อนผันถึงอธิบดีกรมการขนส่งทางบกผ่านรองอธิบดีฯที่เป็นตัวแทนรับมอบในวันนี้
“ต้องยอมรับถึงความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ผู้ประกอบการขนส่งโดยเฉพาะรายย่อยที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ไม่นาน ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังซบเซา บวกการแข่งขันภาคขนส่งที่นับวันยิ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการแต่ละบริษัทที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ต้องทนแบกภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น ไหนจะค่าน้ำมันที่ยังผันผวน ค่าแรงที่ปรับสูงขึ้น ไหนต้องแบกภาระต้นทุนที่ต้องดำเนินการตามนโยบายต่างๆของกรมฯไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องจีดีเอส เครื่องรูดบัตร แถบสติกเกอร์สะท้อนแสง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วเป็นผลกระทบต่อผลประกอบการทั้งสิ้น”
นอกจากนี้ ดร.ชุมพล ระบุอีกว่ากรอบเวลาในการปรับขึ้นราคาค่าเช่าฯในครั้งนี้ เป็นกรอบเวลาที่สั้นมากยากต่อการยอมรับของผู้ประกอบการ ยิ่งเป็นรายย่อยและรายที่เข้าใหม่ก็ต้องมาเจอกับปัญหาการปรับขึ้นราคาใหม่ โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพียงไม่ถึง 1 อาทิตย์เท่านั้นก่อนทำสัญญาใหม่
“กรมฯส่งหนังสือมาถึงผู้ประกอบการให้ทราบรายละเอียดในวันที่ 5 ก.ย.ก่อนที่จะทำสัญญาใหม่ในวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่สั้นมากและยากที่ผู้ประกอบการจะปรับตัวทัน ยิ่งรายย่อยและรายที่ย้ายเข้าใหม่ต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ไหนการย้ายสถานที่ประกอบการใหม่ลูกค้าเดิมก็มีการปรับเปลี่ยนไป ทำให้การดำเนินการกิจการยังไม่นิ่งพอที่จะประเมินสถานการณ์ความมั่นคงของกิจการได้ ผนวกกับเหตุผลที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงใคร่ขอความกรุณาและขอความเห็นใจไปยังอธิบดีกรมฯได้ชะลอการปรับอัตราค่าบริการใหม่ของสถานีขนส่งพุทธมณฑลสาย 5 และให้คงอัตราค่าเช่นเดิมไปก่อนสักระยะหนึ่ง”
ขณะที่อัตราค่าเช่าใหม่ของสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลฯนั้น ดร.ชุมพล เปิดเผยว่าอัตราการค่าเช่าเดิมโดยแยกในแต่ละพื้นที่ในอัตราค่าเช่าตรม./เดือน แยกเป็นบริเวณพื้นที่ชานชาลา อัตราเดิมตรม.ละ 93 บาท/เดือน ปรับใหม่เป็น 102 เพิ่มขึ้น 9 บาท พื้นที่สำนักงานชานชาลา เดิม 80 บาท ปรับใหม่ 97 บาท เพิ่มขั้นถึง 12 บาท ขณะที่พื้นที่สำนักงานอาคารบริหาร เดิมเก็บ 60 บาท ปรับใหม่ 92 บาท เพิ่มขึ้น 32 บาท ส่วนพื้นที่คลังสินค้า เดิมเก็บ 120 บาท ปรับใหม่เป็น 122 บาท เพิ่มมา 2 บาท และพื้นที่ชานชาลาเอนกประสงค์ เดิมเก็บ 100 บาท ปรับใหม่เป็น 112 บาท เพิ่มมาก 2 บาท
“สำหรับการเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้นอกจากการขอให้กรมฯพิจารณาชะลอการปรับขึ้นราคาใหม่ออกไปก่อน ทางกลุ่มตัวแทนผู้ประกอบการยังแนบยื่น 3 เขื่อนไขให้กรมฯพิจารณาอีกด้วย ได้แก่ กรอบเวลาการปรับขึ้นราคาควรระบุให้แน่ชัดว่ากี่ปีจะปรับครั้ง และการปรับแต่ละครั้งขอความกรุณากรมฯได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างน้อย 3-6 เดือน เงื่อนต่อมาเป็นเรื่องของตัวเลขการปรับขึ้นควรพิจารณาถึงความเหมาะสม และสุดท้ายอยากให้ผู้ประกอบการขนส่งได้มีส่วนร่วมในคณะกรรมการการปรับขึ้นราคาค่าเช่า”
อย่างไรก็ดี ดร.ชุมพล ย้ำปิดท้ายว่าเบื้องต้นกรมฯก็รับข้อเสนอและเงื่อนไขเพื่อพิจารณาตามลำดับการดำเนินการของกรมฯต่อไป ขณะที่ผู้ประกอบการก็จะร่วมกันเดินหน้าต่อสู้ในเรื่องนี้อีกหลายช่องทาง โดยจะใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอความคุ้มครองชั่วคราวต่อไปจากนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย 5 รายงานและตั้งข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้สถานีขนส่งสินค้าแห่งนี้ยังไม่ค่อยมีผู้ประกอบการขนส่งมาเช่าพื้นที่เท่าไหร่มากนัก แต่ระยะหลังเริ่มมีเข้าเช่าพื้นที่มากขึ้นจนเต็มพื้นที่ และยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายรอคิว
“เป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนนี้พื้นที่เช่าไม่เต็มไม่ยอมขึ้น แต่พอเห็นพื้นที่เริ่มมีผู้ประกอบการเข้ามาใช้บริการมากขึ้นก็ขอปรับค่าเช่าใหม่ทันที จึงไม่แปลกใจอะไรที่กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งโดยเฉพาะรายย่อยและรายใหม่ที่ได้รับเดือดร้อนจากการปรับราคาค่าเช่าของกรมฯในครั้งนี้ จะตบเท้าเข้ายื่นหนังสือขอผ่อนผันการปรับค่าเช่าใหม่ออกไปก่อน และให้คงอัตราค่าเช่าเดิมแทนเพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาปรับตัว”