กรมทางหลวงชนบทยกระดับคุณภาพชีวิต บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู อำเภอละงู จังหวัดสตูล คืบหน้ากว่า 90% คาดแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2566
กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู อำเภอละงู จังหวัดสตูล ปัจจุบันมีผลการดำเนินงานกว่า 90% โครงสร้างสะพานแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก การติดตั้งราวสะพาน ผนังบนราวสะพาน เสาไฟฟ้าแสงสว่างและเตรียมติดตั้งท่อระบายน้ำบนสะพาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2566 ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางของประชาชนบ้านสุไหงมูโซ๊ะให้สามารถเดินทางเชื่อมระหว่างเกาะกับฝั่งแผ่นดินใหญ่ที่บ้านตันหยงละไน้ได้อย่างสะดวกรวดเร็วปลอดภัย ประหยัดเวลาในการเดินทางหากมีเหตุฉุกเฉินหรือการอพยพประชาชนกรณีเกิดภัยพิบัติ ในอนาคตเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน สนับสนุนเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าทางการเกษตรและการประมงในพื้นที่อย่างยั่งยืน
จังหวัดสตูลได้รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนบ้านสุไหงมูโซ๊ะ หมู่ที่ 5 ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล ว่าหมู่บ้านมีสภาพพื้นที่เป็นเกาะตั้งอยู่ใกล้กับบ้านตันหยงละไน้ หมู่ที่ 1 บนฝั่งแผ่นดินใหญ่ ยังไม่มีถนนและไฟฟ้า ทำให้การเดินทางระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่เป็นไปด้วยความยากลำบากมายาวนานกว่า 30 ปีเนื่องจากเดินทางด้วยเรือต้องอาศัยจังหวะการขึ้นลงของน้ำทะเลและเสี่ยงภัยคลื่นลมในช่วงมรสุม ส่งผลให้ประชาชนประสบปัญหาเรื่องการกำหนดเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก จังหวัดสตูลจึงขอให้ ทช. พิจารณาสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู แต่ที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนจังหวัดสตูล ตอนที่ 1 จึงจำเป็นต้องขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เพื่อขอใช้พื้นที่ โดยได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบ จากนั้นในปี 2563 ทช. จึงได้เริ่มดำเนินโครงการมีจุดเริ่มต้นจากแยกทางหลวงชนบทสาย สต.3018 จังหวัดสตูล กม. ที่ 18+378 (ฝั่งบ้านตันหยงละไน้) และจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้ามัสยิดอัลมุตตกีน (ฝั่งบ้านสุไหงมูโซ๊ะ) ก่อสร้างเป็นสะพานแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 1,320 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กต่อเชื่อม ยาว 1,742 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร ไป – กลับ ระยะทางรวม 3,062 เมตร ใช้งบประมาณรวม 291 ล้านบาท