รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าแก้ไขปัญหาน้ำมันหก พร้อมสั่งการเร่งขจัดน้ำมันที่เหลือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว
ดร. อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าและการแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำมันดิบใต้ทะเลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกรั่วไหล ณ อาคารศูนย์ประสานและอำนวยความสะดวกในการเดินเรือ VTMS การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง พร้อมด้วยพลอากาศเอก ชนัท รัตนอุบล คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) และคณะ โดยมีว่าที่ร้อยตรีพิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปฏิบัติการ นายพิทักษ์ วัฒนพงษ์พิศาล ผู้อำนวยการสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ นายวงศกร นราธาวา ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ผู้บริหารกรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมพร้อมรายงานผลการปฏิบัติงานความคืบหน้าการขจัดคราบ น้ำมันที่รั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่ในท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
ตามที่เกิดเหตุดังกล่าว กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมได้ประชุมร่วมกับศูนย์ติดตามสถานการณ์แก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน จังหวัดระยอง เพื่อบูรณาการความร่วมมือปฏิบัติการตามแผนขจัดคราบน้ำมัน โดย กรมเจ้าท่า นำเรือตรวจการณ์ 804 ปฏิบัติการร่วมกับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ในการใช้สาร dispersant ขจัดคราบน้ำมันที่หลุดรอดออกไปจากวงล้อมของ boom การใช้สาร dispersant จะอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมควบคุมมลพิษ ในการกำหนดปริมาณสารที่จะใช้ โดยจะใช้สารจุลินทรีย์ชีวภาพในการขจัดคราบน้ำมันร่วมด้วย เพื่อลดผลกระทบทางด้านระบบนิเวศทางทะเลไม่ให้มีการใช้สารเคมีในปริมาณที่มากเกินไป พร้อมกันนี้ได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการเดินเรือบริเวณทุ่นท่าเทียบเรือ SPM จังหวัดระยอง พร้อมสั่งระงับการใช้งานทุ่นเทียบเรือ SINGLE POINT MOORING (SPM) จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จ ในการดำเนินคดี
กรมเจ้าท่า ในฐานะผู้เสียหายในฐานความผิดของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กรณีน้ำมันรั่วไหลจากทุ่นผูกเรือน้ำลึกหรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับกรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) จนคดีถึงที่สุด โดยฐานความผิดดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดมลพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือต่อสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ อันเป็นความผิดตามมาตรา 119 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พุทธศักราช 2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2535 และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะร่วมประเมินความเสียหายทางด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนแจ้งกรมเจ้าท่าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ฯ ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เฝ้าระวังและเร่งขจัดคราบน้ำมันที่คงเหลือปริมาณไม่มากอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว และให้กรมเจ้าท่านำเรือตรวจการณ์เจ้าท่า 804 พร้อมอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมันและเรือสนับสนุนอีกสองลำเตรียมพร้อมเพื่อเข้าดำเนินการในพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาขจัดน้ำมัน โดยปฏิบัติการตามคำสั่งจากศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในวันนี้ พร้อมกำชับและเข้มงวดให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดละเมิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และส่งเสริมความตระหนักในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมแก่ทุกภาคส่วน
ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยานั้น จะได้ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่น การท่องเที่ยว ชาวประมง หากมีจะดำเนินการเยียวยาตามความเสียหายที่เกิดจริง โดยจะมีหน่วยที่รับผิดชอบตอบข้อสอบถามความเสียหาย รวมถึงช่องทางการให้ผู้ได้รับผลกระทบร้องทุกข์ ตามช่องทางที่จัดหาให้