บางจากฯวาง Mission 2026 100X ขับเคลื่อนสู่องค์กร 100 ปีภายใต้4 ภารกิจหลัก มั่นใจปีนี้ทำผลการดำเนินงานดีสุดนับจากตั้งบริษัท ลุ้นสิ้นปีทำลายสถิติสูงสุด เตรียมทบทวนงบลงทุน 5 ปีใหม่ คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากแผนเดิมมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียวมากขึ้นถึง 70% ตอบโจทย์ลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ในปี 2030
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า บางจากฯ ได้วาง “Mission 2026 100X” ขับเคลื่อนสู่องค์กร 100 ปี และมีความสุข 100 เท่า ภายใต้ 4 ภารกิจหลัก ที่จะทำให้พอร์ตการลงทุนในอนาคต 5 ปีข้างหน้าเปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ 1.LNG supply chain 2.lithium supply chain 3.green power supply chain และ 4.bio/pharmaceutical supply chain
โดยปีนี้ ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของบางจากฯ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ ปี 2560-2561 ซึ่งมียอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 1.7-1.8 แสนล้านบาท ดังนั้นปลายปีนี้ คาดว่ายอดขายจะสามารถทำสถิติสูงสุด(นิวไฮ)ได้ และน่าจะมี EBITDA สูงสุดนับจากจัดตั้งบางจากฯมา หลังจากครึ่งแรกของปี 2564 มีรายได้ 85,006 ล้านบาท และ EBITDA สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 9,006 ล้านบาท อีกทั้งยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น การรับรู้ผลประกอบการของบริษัท OKEA เพิ่มขึ้น และธุรกิจการค้าน้ำมัน โดยบริษัท BCP Trading Pte. Ltd. มีธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่า ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ อยู่ระหว่างการพัฒนาแหล่ง Yme จะเริ่มผลิตได้ตามแผนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้กำลังการผลิตของ OKEA จากเดิม 10,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 15,500-16,500 บาร์เรลต่อวัน และเป็น 25,000 บาร์เรลใน 2-3 ปีข้างหน้า
ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน จะสามารถกลั่นได้เต็มอัตรา 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน แต่จะเน้นกลั่นน้ำมัน UCO (Unconverted Oil) แทนน้ำมันเครื่องบิน(เจท) ที่ธุรกิจการบินยังไม่ฟื้นตัว ทำให้มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นส่วนธุรกิจเทรดดิ้ง ของบริษัท BCP Trading Pte. Ltd. (BCPT) มียอดขายเพิ่มขึ้น และธุรกิจไฟฟ้าของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG จะเน้นลงทุนโรงไฟฟ้าสีเขียวมากขึ้น ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่ของบางจากฯ ราว 70% จะลงไปในส่วนนี้ นอกจากนี้ BCPG ยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจผลิตและจำหน่ายระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Utility-Scale Energy Storage System)หรือ แบตเตอรี่ประเภทวานาเดียมรีดอกซ์โฟลว์ (Vanadium Redox Flow)
และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI ก็เติบโตต่อเนื่อง ล่าสุด BBGI ได้นำเข้า Astaxanthin Ingredients ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (High Valued Bio-Based Products) และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านริ้วรอย บำรุงผิว โดยได้จัดจำหน่ายในประเทศไทยในรูปแบบ Business-to-Business (B2B) และมีแผนจะจำหน่ายในรูปแบบ Business-to-Customers (B2C) ภายใต้แบรนด์ B Nature Plus ต่อไป
นอกจากนี้ บริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด (WIN) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง BBGI และ Manus Bio Inc. ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำหรับอาหาร (แบบ อ.18) สำหรับสารให้ความหวาน Neotame เพื่อการจำหน่ายในประเทศไทย และในเดือนมิถุนายน 2564 ได้แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายสารให้ความหวานใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บางจากฯ เตรียมทบทวนงบลงทุน 5 ปีใหม่ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากแผนเดิมอยู่ที่ 8.8 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเข้าระดมทุนของ BBGI และขยายพอร์ตการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า ที่จะมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียวมากขึ้นถึง 70% และตอบโจทย์เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (carbon neutral) ในปี 2030 หรือปี 2573 และตั้งป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ตามทิศทางอุตสาหกรรมพลังงานของโลก