“บีเอส เอ็กซ์เพรสฯ”จับมือยักษ์ใหญ่“ไปรษณีย์ไทย”ยกระดับบริการ BS-Thaipost ภายใต้แนวทาง Co-Branding เติมเต็มศักยภาพขนส่งเอกชนรายเล็กให้มีระบบมาตรฐานมากขึ้น ช่วยลดต้นทุน-เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน-เพิ่มรายได้ หนุนเติบโตยั่งยืนทั้ง 2 แบรนด์ ลุยขยายจุด Drop Point เพิ่มอีก 400 แห่งให้ครบ 1,000 แห่งภายในปีนี้ พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บด้วยบริการ BS-CLM ขนส่งระหว่างประเทศสู่ “กัมพูชา-สปป.ลาว-เมียนมา” ตอบโจทย์ความต้องการแรงงาน 3 ประเทศเพื่อนบ้านตามเทรนด์ตลาดอีคอมเมิร์ซบูม
ดร.ชุมพล สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอส เอ็กซ์เพรส 2020 จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือการบริการกับไปรษณีย์ไทยว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการให้บริการร่วมในลักษณะการใช้เครือข่ายสาขาทั้ง 2 หน่วยงานที่มีอยู่ในประเทศ โดยใช้สาขาบีเอส เอ็กซ์เพรส เป็นจุดบริการของไปรษณีย์ไทย และใช้ไปรษณีย์ไทยเป็นผู้นำจ่ายสินค้าขนาดเล็ก หรือเรียกว่า (Last Mile Services)ให้แก่ผู้รับทั่วประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพในการแข่งขันโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อลดต้นทุนเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพิ่มรายได้และสร้างการเติบโตให้แก่ทั้ง 2 หน่วยงาน
“บีเอสเอ็กซ์เพรสฯเราในฐานะ Local Brand ผู้ประกอบการเอกชนขนส่งไทยให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่น้ำหนักมาก ที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายมุ่งพัฒนาองค์กรและปรับตัวเพื่อเสริมศักยภาพในทุกๆด้านมาโดยตลอดเพื่อให้เป็นทางเลือกของลูกค้าและสู้ได้ในตลาด ทว่า ด้วยข้อจำกัดความเป็น Local Brand รายเล็กมีต้นทุนไม่หนาพอที่จะสู้กับเอกชนรายใหญ่ทุนหนาได้ ดังนั้น การได้จับมือกับไปรษณีย์ไทยในครั้งนี้ถือเป็นการช่วยหนุนศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้กับ Local Brand เอกชนรายเล็กให้มีโอกาสพัฒนาตัวเองอย่างมีระบบและมาตรฐานสู่การเติบโตอย่างมั่นคง และอาจเป็นต้นแบบนำร่องขยายความร่วมมือในลักษณะนี้ไปยังขนส่งเอกชนไทยรายเล็กอื่นๆสู่การพัฒนาและสร้างการเติบโตและยั่งยืนภายใต้การบริหารจัดการและระบบที่ได้มาตรฐานของไปรษณีย์ไทยได้อีกด้วย”
ยกระดับบริการ Co-Branding หนุนโตยั่งยืน
ดร.ชุมพล ระบุอีกว่าเราต้องยอมรับว่าด้วยความเป็นผู้นำยักษ์ใหญ่ขนส่งไทยอย่างไปรษณีย์ไทยเขาต้องมีการบริหารจัดการและมีระบบที่ได้มาตรฐาน มีสาขาที่ครอบคลุมและเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การที่เราได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยนอกเหนือจากการยกระดับการบริหารจัดการและการบริการที่เป็นระบบมาตรมาตรฐาน เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขันให้เราสามารถขยายงานและรับงานมากยิ่งขึ้นแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการได้เรียนรู้การทำงานอย่างมีระบบมาตรฐานเนื้อเดียวกันกับไปรษณีย์ไทยไปในตัวอีกด้วย
“บีเอสเอ็กซ์เพรสเราชำนาญสินค้าสินใหญ่น้ำหนักมาก แต่เราไม่ถนัดสินค้าหรือพัสดุขนาดเล็ก กับการจับมือครั้งนี้ก็จะเป็นการปลดล็อคปัญหาความไม่ถนัดของเรา สินค้าขนาดใหญ่ที่ไปรษณีย์ไทยเขาไม่สะดวกรับเพราะไม่ได้บรรจุในกล่องหรือหีบห่อที่ได้มาตรฐาน หรือไม่อยู่ในเกณฑ์ที่เขาจะรับ เราก็ได้รับลูกค้าส่วนนี้ไปบริหารจัดการ ส่วนชิ้นเล็กเราทำราคาสู่ขนส่งเอกชนรายใหญ่ไม่ได้ไปรษณีย์ไทยก็ได้ในส่วนนี้ไปโดยใช้สาขาบีเอสเอ็กซ์เพรสเป็นจุดบริการของไปรษณีย์ไทย และทางไปรษณีย์ไทยก็ช่วยสนับสนุนเป็นผู้นำจ่ายไปในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศที่เราเข้าไม่ถึงภายใต้ความร่วมมือ Co-Branding เป็นการลดต้นทุนเพิ่มรายได้โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของทั้ง 2 แบรนด์ให้เป็นประโยชน์สู่การเติบโตและยั่งยืนไปด้วยกันทั้ง 2 แบรนด์”
เสริมเขี้ยวเล็บศักยภาพขนส่งเอกชนรายเล็ก
ดร.ชุมพล ย้ำว่าเหนือสิ่งอื่นใดนั้นลูกค้าที่ใช้บริการกับเรามั่นใจได้ถึงการบริหารจัดการและระบบที่ได้มาตรฐานสามารถตรวจสอบติดตามสินค้า การรับประกันสินค้า เป็นต้น นอกจากนี้ เราก็เปิดโอกาสกว้างให้พันธมิตรเครือข่ายเอกชนขนส่งรายเล็กอื่นๆที่ต้องการการเติบโตอย่างมั่นคงก็สามารถเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบีเอสเอ็กซ์เพรสได้ แต่ก็ต้องมีการยกระดับศักยภาพ การบริหารจัดการและระบบที่ได้มาตรฐานเชื่อมกับเราและไปรษณีย์ไทย เพราะเป็นการช่วยหนุนให้แบรนด์ของเขามีความน่าเชื่อบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพรองรับความต้องการของลูกค้า นำเอาความเป็นมาตรฐานใหม่นี้ไปต่อยอดขยายโอกาสหาลูกค้าตัวเองได้มากยิ่งขึ้น
“สุดท้ายแล้วไม่เพียงแค่การยกระดับเพื่อผู้ประกอบการขนส่งเอกชนไทยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการยกระดับการพัฒนาเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่ตอบโจทย์ลูกค้าแม่ค้าออนไลน์ในฐานะความเป็นขนส่งเอกชนไทยเพื่อคนไทยจริงๆที่ให้บริการขนส่งได้รวดเร็ว มีมาตรฐาน และมีราคาที่คนไทยรับได้”
Last Mile Services ปิดจุดด้อยเติมเต็มจุดแข็งให้ครบวงจร
ดร.ชุมพล กล่าวอีกว่าเราบอกมาเสมอว่าเราคือผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการบริการคลังสินค้า การขนส่งสินค้าแบบ B2B เชื่อมการขนส่งทางบก น้ำ ราง อากาศ แต่ก็เหลือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เราไม่สามารถทำได้ นั่นก็คือ Last Mile Services การบริการกระจายขนส่งสินค้าแบบ B2Cไปถึงมือผู้บริโภคหน้าบ้านในพื้นที่ห่างไกลทั่วไทยได้ การจับมือกับไปรษณีย์ครั้งนี้ก็เป็นปิดช่องว่างตรงนี้และช่วยเติมเต็มให้เราครบวงจรทันที เพราะเราสามารถส่งสินค้าพัสดุไปถึงมือผู้บริโภค Door to Door ในทุกจุดทุกตำบลทุกหมู่บ้านทั่วประเทศได้จริงๆ
“เวลานี้บีเอสเอ็กซ์เพรสฯเรามีจุด Drop Point ให้บริการกว่า 630 สาขาทั่วประเทศ เรามีแผนที่จะขยายเพิ่มซึ่งคาดว่าภายในธันวาคมปีนี้เราจะขยายเพิ่มอีก 400 สาขาเพื่อให้ครบ 1,000 สาขา และปีหน้าขยายเพิ่มอีก 1,000 สาขา เมื่อสาขาบริการเรามีความหนาแน่นพอแล้ว เฟสที่ 2 ต่อไปเราวางแผนเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศอีกประมาณ 20 แห่งเพื่อรองรับกับสาขาบริการที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขนส่งและเป็นการลดต้นทุน”
พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 1 ก.ค.นี้
นอกจากนี้ ดร.ชุมพล ยังได้เผยถึงไทม์ไลน์การเปิดให้บริการกับความร่วมมือล่าสุดนี้ว่าเพื่อเป็นเติมเต็มศักยภาพผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจรมากขึ้น นอกเหนือจากการบริการ BS-Bigsize ที่เราดำเนินงานมาแต่เดิมอยู่แล้ว และล่าสุดความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในรูปแบบ BS-Thaipost แล้ว เรายังจะเปิดการบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแบบ Door to Door ในนามบริการ BS-CLMไปยังประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมาอีกด้วย โดยเป็นการจับมือกับพันธมิตรเครือข่ายใน 3 ประเทศนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแรงงานที่เข้ามาทำงานในบ้านเราอยากส่งของกลับบ้านก็สามารถใช้บริการเราได้ ขณะเดียวกันญาติพี่น้องใน 3 ประเทศก็สามารถส่งสินค้ากลับมาให้แรงงานในไทยได้ด้วยเช่นกันผ่านบริการของเรา
“หลังจากนี้ไปเราก็จะกลับไปดูหลังบ้านเพื่อเช็คความพร้อมรวมถึงการเซ็ตระบบและเชื่อมต่อออปเปอร์เรชั่นต่างๆเพื่อให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนนี้ก่อนที่จะเปิดให้บริการทั้งในส่วน BS-Thaipost และ BS-CLM เต็มรูปแบบในวันที่ 1 ก.ค.64นี้” ดร.ชุมพล สรุปปิดท้าย