บี.เอส.ขนส่ง เผยผลประกอบการปี 63 โต 30 % ชี้วิกฤติโควิดกระทบงานขนส่ง B2B หดตัวสวนทางบริการB.S.Express เติบโตตามเทรนด์อีคอมเมิร์ซบูม วางเป้าปีวัว 64 ลดเงื่อนไขงานขนส่ง B2B หวังประคององค์กร-ลูกค้า ส่วน B.S.Express งัดบริการ Same Day ส่งเช้าได้บ่ายเอาใจลูกค้าใจด่วน ขยับรับส่งสินค้าชิ้นเล็กตอบโจทย์ตลาดส่วนใหญ่ ปลื้มใช้เวลา 2 ปีกว่าผ่าน KPI ส่งสินค้าถึงมือลูกค้า 95%
ดร.ชุมพล สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หจก. บี.เอส.ขนส่ง เปิดเผยกับ Trans Time ว่าหลังจากที่เราได้แตกไลน์ธุรกิจสู่การบริการส่งด่วนใน “B.S. Express”เพื่อสอดรับกับทิศทางการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ รับบริการขนส่งสินค้าน้ำหนัก 25 กก.ขึ้นไปครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลและจังหวัดอื่นๆรวม 11 จังหวัด(แต่เดิม 15 จังหวัด)มาตั้งแต่ปลายปี 62 เราเคยทำสถิติเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 300 % หลังผ่านครึ่งปีแรกของปี 62 เป็นผลจากงานโปรเจ็กต์จากลูกค้ารายใหญ่หลายราย
“พอมาถึงปี 63 ต้องบอกว่าเป็นปีที่ตื่นเต้น อย่างที่เราทราบกันดีกับการเผชิญผลกระทบภาวะวิกฤติโควิดระลอกแรก ส่งผลต่อการดำเนินงานของบี.เอส.ขนส่งปี 63 ทั้งในด้านบวกและลบด้วยกัน หากเป็นงานขนส่งในส่วน B2B หรือร้านค้า ห้างร้าน ค้าส่งและค้าปลีกก็จะปรับตัวลดลง แต่ถ้าเป็นในส่วนการขนส่งสินค้าด่วนให้กับลูกค้าที่ซื้อขายทางออนไลน์ก็ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ แต่เมื่อตัดทอนกันแล้วทำให้บี.เอส.ขนส่งโตประมาณ 30 %ในปี 63 ที่ผ่านมา”
คอมเมิร์ซปี 64 ยังมีทิศทางที่สดใส
ดร.ชุมพล กล่าวอีกว่าครั้นเข้าปี 64 นี้ในมุมมองของผมยังมองว่าไม่ถึงกับดีมาก อย่างในส่วนการค้าออนไลน์ก็ไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนปี 63 เพราะปี 63 มีการประกาศล็อคดาวน์ทำให้ผู้คนหันมาสั่งสินค้าออนไลน์กันเต็มเหนี่ยว แต่พอมาถึงปีนี้กับการระบาดโควิดระลอกใหม่กลับไม่หวือหวาเหมือนเดิม เพราะต่างคนก็รัดเข็มขัดกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน อีกทั้งกำลังซื้อโดยรวมก็ปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรอีคอมเมิร์ซก็ยังมีทิศทางที่สดใสสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหันมาช้อปสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นนั่นเอง
“ขณะที่เม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาผ่านโครงการต่างๆของภาครัฐก็อาจช่วยกระตุ้นได้ระดับหนึ่งในระยะสั้นๆเท่านั้น ด้วยเม็ดเงินที่มีจำนวนไม่มากกับการอัดฉีดเข้าไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบได้ ไม่ต่างอะไรกับการย้ายเงินจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา แต่มันไม่มีรายได้ใหม่ๆเข้าประเทศทั้งจากการส่งออก การท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งการลงทุนใหม่ๆภายในประเทศ ที่พอจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไปในทิศทางบวกได้ ก็ต้องมาลุ้นในจากนี้ไปกับความหวังในการฉีดวัคซีนตั้งแต่กลางปีจนถึงปลายปี รวมถึงการผ่อนคลายให้มีกิจกรรมขับเคลื่นเศรษฐกิจได้ในทิศทางที่จะควรเป็น มีนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาและเริ่มมีการส่งออกได้ ซึ่งมันพอจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้มากน้อยเพียงใด”
ลดเงื่อนไข B2B งัดบริการ Same Day เสริม B.S.Express
ส่วนประเด็นการปรับตัวในสถานการณ์แบบนี้ ดร.ชุมพล ได้ฉายภาพให้เห็นว่าเราทำทุกช่องที่เราพอทำได้เพื่อประคับประคองทั้งในส่วนตัวเราและลูกค้าเองด้วย อย่างในส่วนงานขนส่ง B2B ถ้าเราสามารถยืดหยุ่นในบางเงื่อนไขลงได้เราก็ทำเพื่อให้ทั้งเราและลูกค้าไปได้ด้วยกันทั้งคู่ ส่วนด้านการบริการส่งด่วน B.S.Express ซึ่งมีทิศทางเติบโตได้ดี เราก็ปรับกลุยทธ์และการบริการอื่นๆเพื่อตอบโจทย์และกระตุ้นรายได้ให้มากขึ้น เช่น แต่ก่อนเรามีบริการส่งวันนี้พรุ่งนี้ถึง (Next Day) แต่มาวันนี้เรามีบริการส่งเช้าได้บ่าย(Same Day) ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความเร่งด่วนกว่าเดิมมากขึ้น ซึ่งในส่วนบริการด้านนี้เราก็เริ่มนำร่องทดลองไปได้ 1 เดือนแล้วก็ได้รับการตอบรับดีระดับหนึ่ง เราขอเก็บข้อมูลในการทดลองบริการประมาณ 3 เดือนก่อนตัดสินใจลุยตลาดเต็มที่
“อีกด้านหนึ่งจากเดิมที่เคยรับส่งสินค้าขนาดใหญ่ เช่น ตู้เย็น ทีวี มอเตอร์ไซค์ เป็นต้น ต่อไปนี้เราอาจจะปรับบริการรับขนส่งสินค้าขนาดเล็กลงมาสอดรับขนาดสินค้าในตลาดส่วนใหญ่ เพื่อตอบโจทย์คนส่วนใหญ่และขยายตลาดมากขึ้น เวลานี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาราคาค่าบริการเท่าไหร่ดีถึงจะพอแข่งขันได้ในตลาด”
พอใจกับ 620 จุดรับส่งสินค้าครอบคลุม 11 จังหวัด
ดร.ชุมพล ย้ำปิดท้ายอีกว่าในส่วนจุดรับส่งสินค้า BS Express (Drop point) ณ เวลานี้เรามี 620 แห่งครอบคลุมพื้นที่ 11 จังหวัดรวมกรุงเทพฯและปริมณฑล ถามว่าจะขยายเพิ่มหรือไม่ต้องบอกว่าจำนวน 620 จุดรับบริการสินค้าที่มีอยู่ก็เพียงพอและสมดุลกับพื้นที่ให้บริการทั้ง 11 จังหวัดแล้ว หากในอนาคตเราขยายพื้นที่เพิ่มถึงเวลานั้นเราก็จะขยายเพิ่มจุดรับสินค้าแน่นอน การจะขยายเพิ่มราก็ต้องพิจารณาและดูในหลายๆองค์ประกอบโดยเฉพาะเศรษฐกิจและความต้องการในพื้นที่นั้นๆ และที่สำคัญคือแหล่งเงินทุน ซึ่งในธุรกิจขนส่งด่วนปีนี้ผมยังมองว่าต้องสู้กันที่ของจริงมองที่ต้นทุนและการบริการ ซึ่งจะทำให้เราเติบโตและยืนได้ในระยะยาว
“เป็นที่ยินดีว่าเราสามารถผ่านดัชนีชี้วัดความสำเร็จ KPI ถึง 95 % ในการขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้า หมายความว่าในจำนวนสินค้า 100 ชิ้น เราสามารถนำส่งสินค้าไปถึงปลายทางคือมือลูกค้าถึง 95 ชิ้นในแต่ละวัน ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายศักยภาพและต้องใช้เวลาพอสมควรกับการผ่าน KPI นี้ โดยเราก็ใช้เวลา 2 ปีกว่าๆถึงจะสามารถทำได้ ซึ่ง KPI ตัวนี้ก็เป็นตัวชี้วัด ช่วยเสริมภาพลักษณ์และหนุนศักยภาพให้เราเป็นผู้ให้บริการงานขนส่งที่ได้คุณภาพและมาตรฐานที่น่าเชื่อถือได้”