ใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดมาตรการ “ค่าโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง 20 บาทตลอดสาย” 30 ก.ย. 2568 ผู้โดยสารเตรียมกลับสู่โครงสร้างค่าโดยสารปกติ 12–42 บาท ขณะที่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ก้าวสู่ปีที่ 15 แห่งการดำเนินงาน คว้ารางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมพัฒนาระบบราง–บริการ Feeder–EV Bus มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
มาตรการ “ค่าโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงสูงสุดไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย” ซึ่งช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนมาตั้งแต่ 16 ตุลาคม 2566 กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยตั้งแต่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ค่าโดยสารจะกลับสู่โครงสร้างปกติ คือ บุคคลทั่วไป 12 – 42 บาท, นักเรียน/นักศึกษา 11 – 35 บาท, ผู้สูงอายุลด 50% (6 – 21 บาท)
“รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง แนะนำทางเลือกที่คุ้มค่า ช่วยประหยัดค่าเดินทาง กับบัตรโดยสารประเภทรายเดือน 30 วัน 30 เที่ยว โดยบัตรโดยสารแบบรายเดือนสามารถใช้เดินทางได้ 30 เที่ยวภายในระยะเวลา 30 วัน หรือจนกว่าจะใช้ครบจำนวนเที่ยว บัตรนี้ราคา 750 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมออกบัตร 50 บาท) เฉลี่ยตกเที่ยวละ 25 บาท การเดินทางรังสิต – ตลิ่งชัน ระยะทาง 41 กิโลเมตร ประหยัดสูงสุดเพียง 0.60 บาทต่อกิโลเมตร”
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รฟฟท. เปิดเผยว่า บริษัทได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มาถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยล่าสุดได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ปี 2568 จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
ในด้านการเชื่อมต่อการเดินทาง รฟฟท. ได้ร่วมกับการรถไฟฯ จัดขบวนรถดีเซลรางเส้นทาง “ธนบุรี – ตลิ่งชัน – นครปฐม” ใช้เวลาเพียง 55 นาที ค่าโดยสาร 20 บาท และร่วมกับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จัดบริการ EV Bus ฟรี เชื่อมสถานีหลักสี่ – ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
สำหรับคุณภาพการให้บริการ รถไฟฟ้าสายสีแดงมีสถิติความตรงต่อเวลา 99.96% ความน่าเชื่อถือ 99.97% และความพร้อมขบวน 100% มีผู้โดยสารสะสมกว่า 34 ล้านคน โดยผลสำรวจความพึงพอใจล่าสุดจากนิด้า พบว่าผู้โดยสารให้คะแนนสูงในทุกมิติ ทั้งความปลอดภัย ความตรงต่อเวลา สิ่งอำนวยความสะดวก และการประชาสัมพันธ์
นอกจากนี้ รฟฟท. ยังดำเนินกิจกรรม CSR ต่อเนื่อง เพื่อสร้างประโยชน์กับชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และสร้างความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน
