สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เปิดตัวนายกสมาคม อุปนายก และคณะกรรมการสมาคมชุดใหม่ นำทัพโดยนาย
สุโรจน์ เเสงสนิท หวังผลักดัน ต่อยอด ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยให้เติบโตพร้อมดันไทยเป็นศูนย์กลาง การผลิต EV ส่งออกอันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย จัดงานเเถลงข่าว เปิดตัวนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมด้วยอุปนายกสมาคมฯ ท่านใหม่อีก 4 ท่าน ณ อาคารเคเอกซ์ (Knowledge Exchange – KX) กรุงธนบุรี ซึ่งภายในงานยังได้รับเกียรติจาก อดีตนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย 2 สมัย นายกฤษฎา อุตตโมทย์ กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนตลอดระยะเวลา 4 ปี เนื่องในโอกาสหมดวาระ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย 2 สมัย และพร้อมส่งมอบตำแหน่งดังกล่าวให้กับนายสุโรจน์ เเสงสนิท นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ท่านปัจจุบันที่ได้รับการโหวตคัดเลือกจากคณะกรรมการสมาคมฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย โดยมีวาระนับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้ง 2 ปี ตั้งเเต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ด้านนายสุโรจน์ เเสงสนิท ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด มีประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมาอย่างยาวนานและเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งในด้านผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และกับผู้บริโภค อีกทั้งภายในงานเเถลงข่าว ยังได้มีการแนะนำอุปนายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ชุดใหม่ ได้แก่ ผศ.ดร.อุเทน สุปัตติ อุปนายกฯ ฝ่ายวิชาการและการพัฒนาบุคลากร, นายสยามณัฐ พนัสสรณ์ อุปนายกฯ ฝ่ายอุตสาหกรรมและการพัฒนาธุรกิจ, นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน อุปนายกฯ ฝ่ายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และนางสาวธมลวรรณ ชลประทิน อุปนายกฯ ฝ่ายการสื่อสารและประชาสัมพันธ์
นายสุโรจน์ เเสงสนิท เผยว่า “ผมขอขอบพระคุณสื่อมวลชนที่มาร่วมงานในวันนี้ พร้อมด้วย คณะกรรมการสมาคม และสมาชิกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยทุกๆท่านที่มอบความไว้วางใจให้กระผมดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งหน้าที่และภารกิจสำคัญที่เราต้องการพุ่งเป้า หลังจากที่กระผมได้รับตำแหน่งมานี้คือการโฟกัสที่การพัฒนาและผลักดัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ในห่วงโซ่อุปทาน เป็นภารกิจและพันธกิจสำคัญที่ผมอยากเห็นอนาคตที่ไทยจะกลายเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นเทคโนโลยีเเห่งอนาคต นำมาสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับแรงงานไทย และพร้อมต่อยอดทักษะบุคลากรในประเทศให้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในด้านการผลิต การพัฒนา และการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านการเป็นพันธมิตรกับองค์กรภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยยังมีพื้นที่การเติบโตไปได้ไกลอีกมาก หากได้รับการสนับสนุน ส่งเสริม และผลักดัน จากทุกๆภาคส่วน และทางสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมเป็นองค์กรในการประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ กับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอย่างยั่งยืน และต่อยอดสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ที่เเข็งแรง”