สถาบัน CAR (Center of Automotive Research) ได้เปิดเผยว่า อัตราเฉลี่ยของรถ EV ยอดนิยม 15 ยี่ห้อดัง ที่มีวางจำหน่ายในเยอรมนีขณะนี้ ปรับราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่า 5,385 ยูโร ความแตกต่างของราคาระหว่างรถยนต์ EV กับรถยนต์ทั่วไปที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น รถ Fiat500 EV ซึ่งเป็นรุ่นที่มีแบตเตอรี่ขนาด 24 kWh ปัจจุบันมีราคา อยู่ที่ 31,000 ยูโร ซึ่งสูงกว่า Fiat500 ธรรมดา ถึง 12,500 ยูโร
นาย Ferdinand Dudenhöffer ผู้อำนวยการสถาบัน CAR เปิดเผยว่า เรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะในเยอรมนีเท่านั้น แต่ราคาของรถยนต์ EV ทั่วโลกต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตรถยนต์ ใทุกชนิด แต่ต้องกล่าวว่า รถยนต์ EV อาจโชคร้ายกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ เพราะรถยนต์ EV ต้องใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิปมากกว่ารถยนต์ธรรมดา (เครื่องยนต์สันดาป)
ขณะที่ข้อมูลจากบริษัทให้คำปรึกษาด้านธุรกิจยานยนต์ ID Techex เปิดเผยว่า ในรถยนต์ EV 1 คัน จะมีชิปมากกว่ารถยนต์ธรรมดา 2 – 3 เท่าตัว และในรถยนต์ EV บางรุ่นจำ เป็นต้องใช้ชิปมากถึง 2,000 ตัว นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ในการผลิตรถยนต์ EV ก็คือ ค่าแบตเตอรี่นั้น แม้ขณะนี้จะมีนวัตกรรมด้านเคมีการประกอบแบตเตอรี่ และการปรับรูปแบบโครงสร้างการผลิต ซึ่งได้ทำให้ราคาแบตเตอรี่มีทิศทางลดลงเรื่อย ๆ ก็ตาม
จากข้อมูลของบริษัทให้คำ ปรึกษา E-Source เปิดเผยว่า จากความต้องการรถยนต์ EV ที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ได้ทำ ให้ราคาวัตถุดิบหลักจำ พวกแร่หายาก อาทิ ลิเทียม โคบอลต์ และนิกเกิล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก โดย E-Source ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ราคาแบตเตอรี่ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2023 จะเพิ่ม ขึ้น 22% และในปี 2026 อยู่ที่ 138 เหรียญสหรัฐฯต่อ 1 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้รถยนต์ EV อาจมีราคาสูงเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยที่ 1,500 – 3,000 เหรียญ สหรัฐฯ โดยประมาณ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังพอมีเรื่องดี ๆ ให้ใจชื้นได้บ้าง อาทิ ราคาวัตถุดิบบางตัว อาทิ ทองแดงได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3,000 ยูโร/ตัน ในขณะที่ อลูมิเนียม นิกเกิล และเหล็กกล้า ก็ทยอยปรับ ราคาลงมา จากที่เคยดีดตัวสูงขึ้นแบบกระทันหันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

ดังนั้น จากการคาดการณ์ในอนาคต รถยนต์ EV คงปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และท่ามกลางสถานการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงนี้ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ ได้
บริษัทวิจัยการบริโภคสหรัฐ J.D. Power เปิดเผยว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกปัจจุบันมีแนวโน้มประหยัดอดออมมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ ทำให้ความพร้อมในการที่จะซื้อสินค้าราคาสูง ๆ จำพวกรถยนต์มีแนวโน้มที่จะลดลง
แหล่งที่มา Handelsblatt
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน