เรียกได้ว่านำโด่งหน้าชาวบ้านไปแล้วสำหรับค่ายรถยักษ์อย่าง “วอลโว่ ทรัคส์” ที่ล่าสุดผงาดเจ้าตลาดรถบรรทุกไฟฟ้าหนักทั้งหมดในยุโรปในปี 2021 ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 42% โดยสวิตเซอร์แลนด์แชมป์ยอดจดทะเบียนรถบรรทุกไฟฟ้ามากสุด สุดปลื้มมีรับคำสั่งซื้อรวมถึงหนังสือแสดงเจตจำนงซื้อรถบรรทุกไฟฟ้ากว่า 1,100 คันทั่วโลก ย้ำการนำเสนอบริการขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
อุตสาหกรรมรถบรรทุกระหว่างประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การขนส่งที่ยั่งยืนมากขึ้นตามเทรนด์ยานยนต์เทคโนโลยีสมัยใหม่ สืบเนื่องจากยอดขายรถบรรทุกไฟฟ้าแบตเตอรี่หนักเริ่มเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยมียุโรปเป็นผู้นำ ดันให้ปัจจุบันมีรถบรรทุกไฟฟ้าขนาดใหญ่วิ่งในเชิงพาณิชย์มากขึ้น
ทั้งนี้ สถิติจากกลุ่มวิเคราะห์ตลาด IHS Markit แสดงให้เห็นว่าระหว่างปี 2021 มีรถบรรทุกไฟฟ้ารวม 346 คัน (มากกว่า16 ตัน) จดทะเบียนในยุโรปเพิ่มขึ้นถึง 193% จากปี 2563 โดยวอลโว่ ทรัคส์มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 42% ประเทศในยุโรปที่มีรถบรรทุกไฟฟ้าจดทะเบียนมากที่สุด (มากกว่า16 ตัน) ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ
“เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการปฏิวัติรถบรรทุกไฟฟ้า และตำแหน่งผู้นำตลาดของเราในยุโรปซึ่งก็พิสูจน์ได้ว่าเรากำลังทำอย่างนั้น แม้ว่าปริมาณสินค้าจะยังต่ำอยู่ แต่เราเห็นความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ และในส่วนอื่นๆของโลก ในปี 2564 เราได้รับคำสั่งซื้อรวมทั้งหนังสือแสดงเจตจำนงที่จะซื้อรถบรรทุกมากกว่า 1,100 คันในกว่า 20 ประเทศ เราเชื่อว่าการนำเสนอบริการขนส่งด้วยยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์จะกลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ” คุณโรเจอร์ อาล์ม ประธานวอลโว่ ทรัคส์ กล่าว
วอลโว่ ทรัคส์ ได้เริ่มผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2019 โดยเป็นหนึ่งในแบรนด์รถบรรทุกรายแรกๆ ของโลกที่ทำเช่นนั้น เมื่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นที่ใช้งานหนักอย่าง Volvo FH, Volvo FM และ Volvo FMX เริ่มต้นขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้ วอลโว่จะมีสายการผลิตไฟฟ้าที่สมบูรณ์ที่สุดในอุตสาหกรรมรถบรรทุกทั่วโลก วอลโว่ได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้กับลูกค้าที่หลากหลายในยุโรป อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย โดยเป้าหมายของบริษัทคือครึ่งหนึ่งยอดขายรถบรรทุกทั้งหมดจะเป็นไฟฟ้าภายในปี 2030
“เห็นได้ชัดว่าตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเราเริ่มต้นการขายได้ดีมาก ด้วยรถบรรทุกไฟฟ้าที่มีขนาดกว้างขวางมากขึ้นจะทำให้การขนส่งขนาดหนักทางถนนเกือบครึ่งเป็นไฟฟ้าได้ สัดส่วนนี้จะเพิ่มมากขึ้นตามระยะทางที่รถบรรทุกไฟฟ้าสามารถขับได้เพิ่มขึ้น และโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จสำหรับรถบรรทุกหนักจะได้รับการพัฒนาต่อไป” คุณโรเจอร์ อาล์ม ย้ำปิดท้าย