นายกรัฐมนตรี เปิดทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าลำแรกในแม่น้ำเจ้าพระยา ปล่อยวิ่งฟรีจนถึงวันที่ 14 ก.พ. 64 พร้อมเปิดท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) แห่งแรก ให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เปิดโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา MINE SMART FERRY : “MISSION NO EMISSION” River Mass Transit พร้อมเปิดท่าเรือสะพานพุทธยอดฟ้า ท่าเรือ อัจฉริยะ(Smart Pier) โดยกรมเจ้าท่า ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) พัฒนาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ผลิตด้วยฝีมือคนไทย และดำเนินการจดทะเบียนเรือโดยสารไฟฟ้าลำแรกของประเทศไทย พร้อมนำเทคโนโลยีทันสมัยปรับปรุงท่าเรือสะพานพุทธ ให้เป็น ท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier ส่งเสริมทางเลือกใหม่ในการเดินทางในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไร้มลพิษ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฯ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ได้มีการประกาศใช้มาระยะหนึ่งแล้วนั้น หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลใหความสำคัญคือ “ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ซึ่งในขณะนี้นานาประเทศล้วนให้ความสำคัญต่อสภาพภูมิอากาศของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยในขณะนี้ต้องเผชิญปัญหาสภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งการพัฒนาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ลำแรกในแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier แห่งแรก ในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการยกระดับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำ ให้มีมาตรฐานความปลอดภัย ทันสมัย สามารถช่วยลดมลภาวะฝุ่นละออง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ ได้อย่างยั่งยืน
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดแผนยุทธศาสตร์ โดยมีเป้าหมายในปี 2573 มุ่งให้ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 30% ของปริมาณการผลิตยานยนต์ทั้งหมด กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ได้สนองนโยบายดังกล่าว โดยร่วมกับภาคเอกชน ส่งเสริม ผลักดัน ให้มี การยกระดับเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้มีมาตรฐานและปลอดภัย ลดมลพิษทางอากาศ ลดต้นทุนทางด้านพลังงานของประเทศ และมีความพร้อมในการให้บริการฟรีในช่วงการทดลองตั้งแต่ 23 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 14 กุมพาพันธ์ 2564 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้กับประชาชน พร้อมกับอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ ที่กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้พัฒนาท่าเรือสะพานพุทธให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะแห่งแรกของประเทศ ให้สามารถรองรับทั้งการโดยสารที่ปลอดภัย การบริการทันสมัยทั้งระบบจำหน่ายบัตรโดยสารอัจฉริยะและป้ายแจ้งเวลาเดินเรืออัจฉริยะ พร้อมทั้งการออกแบบท่าเรือตามหลักอารยสถาปัตย์เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ผนวกกับการเชื่อมโยงกับระบบการขนส่งสาธารณะทางบกเป็นการส่งเสริมการเดินทางทางน้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน นับเป็นก้าวย่างสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำและการพัฒนาประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล
ด้าน นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้มีการพัฒนาท่าเรือโดยสาร ในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ท่าเรือสะพานพุทธ ถือเป็นท่าเรือที่มีที่ตั้งอยู่ระหว่างสะพานประวัติศาสตร์ทั้งสองสะพาน คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้า และสะพานพระปกเกล้า อีกทั้งอยู่ใกล้กับไปรษณียาคารที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของประเทศไทย จึงเป็นที่มาของการออกแบบท่าเรือสะพานพุทธแห่งนี้ ให้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สอดคล้องกับพื้นที่ เชิงประวัติศาสตร์โดยรอบ พร้อมร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ปรับรูปโฉมภายในให้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย ทันสมัย รองรับการเดินทางท่องเที่ยววิถีใหม่ยุค New Normal พร้อมเป็น Smart Pier แห่งแรกในประเทศไทย อาทิ เครื่องแสกนอุณหภูมิอัตโนมัติ , ป้ายอัจฉริยะ แจ้งเวลาเรือเข้าเทียบท่า , เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสารอัตโนมัติ , ระบบตรวจสอบเส้นทางการเดินเรือ และตารางเรือ , ระบบความปลอดภัยและตรวจนับความหนาแน่นของผู้โดยสารที่ใช้บริการในแต่ละวัน , ระบบไฟส่องสว่างด้วยระบบโซลาร์เซล ตลอดจนมีความเป็นอารยสถาปัตย์ Friendly Design ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างสุขาสาธารณะ ทั้งห้องสุขาชาย – หญิง และห้องสุขาสำหรับผู้พิการ จากมูลนิธิเอสซีจี (SCG) เพื่อร่วมสร้างความมั่นใจในการเป็นท่าเรืออัจฉริยะเพื่อคนทั้งมวล
นอกจากนี้ กรมเจ้าท่า ยังได้พัฒนาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในแม่น้ำเจ้าพระยา นวัตกรรมใหม่ของยานยนต์ภาคการขนส่งทางน้ำ ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการแก่ประชาชนให้เกิดความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 250 คน และได้รับการจดทะเบียนเป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าเป็นรายแรกของไทย อีกทั้งได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติปี 2563 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งพร้อมทดลองให้บริการฟรี มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน พร้อมมีแผนพัฒนาเส้นทางการให้บริการจริงจากท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้าถึงท่าเรือสาทร ให้เกิดความเชื่อมโยงกับระบบ รถ – ราง – เรือ อาทิ เชื่อมกับระบบรถไฟฟ้า BTS / MRT และรถโดยสารสาธารณะตามนโยบายการคมนาคมไร้รอยต่อ (Seamless Transportation) นำมาซึ่งเป้าหมายเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของประชาชน
ขณะที่ นาวาโท ปริญญา รักวาทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด กล่าวว่า สำหรับการให้บริการระยะที่ 1 บริษัทฯ จะเริ่มเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2564 เป็นเวลา 6 เดือน จากนั้น จะคิดค่าโดยสารตามระยะทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้กรมเจ้าท่าพิจารณาอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และแผนที่จะ เปิดให้บริการเฟส 2 อีก 3 สายเส้นทาง ภายในเดือนเม.ย. 2564 ประกอบด้วย 1. Urban line เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีม่วง เริ่มที่สถานีพระนั่งเกล้า-สาธร 2. Metro line เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เริ่มที่สถานีพระราม 7 และ 3. City line เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีสาทร ส่วนเฟส 3 ภายในเดือนพ.ค. 2564 จะเปิดให้บริการครบสมบูรณ์ทั้ง 3 เส้นทาง โดยจะมีการนำเรือมาให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 27 ลำ
สำหรับเรือไฟฟ้าในโครงการ เป็นเรืออลูมิเนียมชนิด Catamaran ความยาวตลอดลำเรือ 23.97 เมตร กว้าง 7 เมตร ลึก 2.30 เมตร กินน้ำลึกบรรทุก 1.30 เมตร ให้การทรงตัวที่ดี ความเร็วน้อย ประหยัดพลังงาน ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไออน ไร้มลภาวะทั้งทางอากาศ ทางน้ำ และทางเสียง เป็นห้องโดยสารปรับอากาศ กว้างขวาง ขึ้น-ลงสะดวกสบาย ทันสมัย และปลอดภัย สามารถรองรับผู้โดยสาร จำนวน 250 คน ความเร็วเดินทางขึ้นอยู่กับความเร่งด่วน ในเวลานั้น โดยมีความเร็วสูงสุด 16 น็อต
นอกจากนี้ ได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge ระดับ 4-C สามารถชาร์จเร็วภายใน 15 นาที ความจุแบตเตอรี่ Li-Ion 768 kW-hr เวลาสำหรับใช้งานต่อการชาร์จ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเร็วในการเดินเรือ ทั้งนี้ จะเปิดให้บริการเรือไฟฟ้าฟรี 2 เดือน เริ่มตั้งแต่ 23 ธ.ค. 2563 – 14 ก.พ. 2564 โดยแบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ส่วน คือวันจันทร์-ศุกร์ ให้บริการฟรีจอดรับส่งผู้โดยสาร บริเวณท่าเรือ 11 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือพระราม 5 พระราม 7 เกียกกาย บางโพธิ์ เทเวศ พรานนก ปากคลองตลาด ราชวงศ์ กรมเจ้าท่า แคททาวเวอร์ และสาทร ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ จะให้บริการฟรี เฉพาะท่าเรือ ที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ท่าช้าง วัดอรุณฯ วัดกัลยาณมิตร กรมเจ้าท่า และท่าแคททาวเวอร์ เพื่อมอบของขวัญ ปีใหม่ให้กับประชาชนในปี 2564 นี้